content

2.6.11

ศิลปะกรีก (500 ปีก่อน พ.ศ. - พ.ศ.440)



ชาวกรีกมีความเชื่อว่า "มนุษย์เป็นมาตรวัดสรรพสิ่ง"

ซึ่งความเชื่อนี้เป็นรากฐานทางวัฒนธรรมของชาวกรีก

เทพเจ้าของชาวกรีกจะมีรูปร่างอย่างมนุษย์

และไม่มีความเชื่อเกี่ยวกับชีวิตหลังความตายเหมือนชาวอียิปต์

ดังนั้น จึงไม่มีสุสานหรือพิธีฝังศพที่ซับซ้อนวิจิตรเหมือนกับชาวอียิปต์




จิตรกรรมของกรีก  ที่รู้จักกันดีก็มีแต่ภาพวาดระบายสีตกแต่งผิวแจกันเท่านั้น

ที่ชาวกรีกนิยมทำมาจนถึงพุทธศตวรรษที่ 1

เป็นภาพที่มีรูปร่างที่ถูกตัดทอนรูปจนใกล้เคียงกับรูปเรขาคณิต

มีความเรียบง่ายและคมชัด สีที่ใช้ได้แก่ สีดิน คือเอาสีดำอมน้ำตาลผสมบาง ๆ ระบายสี

เป็นภาพบนพื้นผิวแจกันที่เป็นดินสีน้ำล้อมแดงแต่บางทีก็มีสีขาว และสีอื่น ๆ ร่วมด้วย

เทคนิคการใช้รูปร่างสีดำ ระบายพื้นหลังเป็นสีแดงนี้ เรียกว่า "จิตรกรรมแบบรูปตัวดำ"

และทำกันเรื่อยมาจนถึงสมัยพุทธศตวรรษที่ 1 มีรูปแบบใหม่ขึ้นมา คือ "จิตรกรรมแบบรูปดัวแดง"

โดยใช้สีดำอมน้ำตาลเป็นพื้นหลังภาพ ตัวรูปเป็นสีส้มแดง หรือสีน้ำตาลไม้ ตามสีดินของพื้นแจกัน














ประติมากรรมของกรีก  ส่วนมากเป็นเรื่องศาสนา ซึ่งสร้างถวายเทพเจ้าต่าง ๆ วัสดุที่นิยใช้สร้างงาน

ได้แก่ ทองแดง และดินเผา ในสมัยต่อมานิยมสร้างจากสำริด และหินอ่อนเพิ่มขึ้น

ในสมัยแรก ๆ รูปทรงยังมีลักษณะคล้ายรูปเรขาคณิตอยู่ ต่อมาในสมัยอาร์คาอิก (200 ปีก่อน พ.ศ.)

เริ่มมีลักษณะคล้ายกับมนุษย์มากขึ้นเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเทพเจ้า รูปนักกีฬา รูปวีรบุรุษ รูปสัตว์ต่าง ๆ

ในยุคหลัง ๆ รูปทรงจะมีความเป็นมนุษย์มากขึ้น แสดงท่าทางการเคลื่อนไหวที่สง่างาม

มีการขัดถูผิวหินให้เรียบดูคล้ายผิวมนุษย์ มีลีลาที่เป็นไปตามธรรมชาติมากขึ้น

ทำให้ประติมากรรมกรีกจัดเป็นยุคคลาสสิค ที่ให้ความรู้สึกในความงาม

ที่เป็นความจริงตามธรรมชาตินั่นเอง




สถาปัตยกรรมกรีก ใช้ระบบโครงสร้างแบบเสาและคาน เช่นเดียวกับอียิปต์

มีแผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า จากฐานอาคารซึ่งยกเป็นชั้น ๆ ก็จะเป็นฝาผนังโดยปราศจากหน้าต่าง

ซึ่งจะกั้นเป็นห้องต่าง ๆ 1 - 3 ห้อง ปกติสถาปนิกจะสร้างเสารายล้อมรอบอาคารหรือสนามด้วย

มีการสลับช่วงเสากัน อย่างมีจังหวะระหว่างเสากับช่องว่างระหว่างเสา

ทำให้พื้นภายนอกรอบ ๆ วิหารมีความสว่างและมีรูปทรงเปิดมากกว่าสถาปัตยกรรมอียิปต์

และมีขนาดเหมาะสม ไม่ใหญ่โตจนเกินไป มีรูปทรงเรียบง่าย

สถาปัตยกรรมกรีกแบบพื้นฐาน 2 ใน 3 แบบ เกิดในสมัยอาร์คาอิก คือ แบบดอริก และแบบไอโอนิก

ซึ่งแบบหลังพบแพร่หลายทั่วไปในแถบเอเชียไมเนอร์ เสาหล่านี้แต่ละต้นจะมีคานพาดหัวเสาถึงกันหมด

ในสมัยต่อมา เกิดสถาปัตยกรรมอีแบบหนึ่งคือ แบบโครินเธียน หัวเสาจะมีลายรูปใบไม้

ชาวกรีกนิยมสร้างอาคารโดยใช้สถาปัตยกรรมทั้งสามชนิดนี้ผสมผสานกัน

โดยมีการตกแต่งประดับประดาด้วยการแกะสลักลวดลายประกอบ บางทีก็แกะสลักรูปคนประกอบไปด้วย

นอกจากนี้ยังมีการใช้สีระบายตกแต่งโดยสีน้ำเงินได้รับความนิยมใช้ระบายฉากหลังรูปลวดลายที่หน้าจั่ว

และสีแดงใช้ระบายฉากหลังสำหรับประติมากรรมที่หัวเสาและลายคิ้วคาน
























ภาพ Bronze Sculpture, thought to be either Poseidon or Zeus, c. 460 B.C,National Archaeological Museum, Athens
ภาพโดย Ricardo André Frantz (
User:Tetraktys) วิกิพีเดีย




ภาพ Interior (tondo) of a red figure kylix, depicting Herakles and Athena,
by Phoinix (potter) and
Douris (painter), circa 480-470 BC,



ภาพ The Erechtheion on the Acropolis of Athens, late 5th century BC.




ภาพ The theatre of Epidauros, 4th century BC. ภาพโดย Author Fingalo วิกิพีเดีย


No comments:

Post a Comment

shared idea and inspiration ☂
i♥graphic design :)

pbenzbenz.blogspot.com

Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...